การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีการค้นหา Keyword ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายของลูกค้า และ เว็บของเราถึงจะไปปรากฏบน หน้าแสดงการค้นหา (SERP)
แต่การที่เราจะหา Keyword ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายถ้าหากต้องการให้ผลลัพธ์ของการทำธุรกิจผ่านทาง SEO คุณจะไม่สามารถคิด คีย์เวิร์ด ขึ้นมาเองได้อย่างแน่นอน แต่จะต้องอาศัย โปรแกรมการหา Keyword เข้ามาช่วย เพื่อให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย หรือ ลูกค้าที่ต้องการค้นหามากที่สุด แนะนำ Keyword Research คืออะไร มาทำความรู้จัก และ วิเคราะห์เชิงลึก สำหรับคนที่เริ่มต้นทำ SEO 2023
แนะนำโปรแกรมหา Keyword ฟรี 2023
โปรแกรมหา Keyword ณ ปัจจุบัน 2023 เครื่องมือที่เหล่านักการตลาดทั้งหลาย เลือกใช้งานมากที่สุด ก็มีตั้งแต่โปรแกรมหา Keyword แบบฟรี เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำ SEO ไปจนถึงการใช้โปรแกรมหา คีย์เวิร์ด แบบเสียเงินก็มีตั้งแต่โปรแกรมหา Keyword แบบเต็มประสิทธิภาพอย่างเต็มระบบ รวมไปถึงการใช้ ฟีเจอร์ SEO ในด้านอื่น ๆร่วมด้วย และวันนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรมที่ช่วยหา คีย์เวิร์ด ฟรี ดังต่อไปนี้
Google Keyword Planner

Google Keyword Planner เป็นโปรแกรมที่ใช้หา คีย์เวิร์ด ในฟีเจอร์ที่อยู่ใน Google Ads ได้เปรียบซึ่งตรงกับเครื่องมือของ Google Search Engine ตัวหลักที่มีคนเข้าใช้งานเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น ข้อมูล Keyword ที่ได้ก็จะเป็นข้อมูล Keyword รูปแบบอ้างอิงมาจาก Google จริง เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นทำ SEO เพราะนอกจากคุณจะได้หา Keyword การทำแล้ว ยังสามารถเรียนรู้การใข้งานต่าง ๆ ของ Google Ads ได้อีกด้วย เช่นกัน ส่วนนี้จะถือว่าเป็นเครื่องมือหลักที่สำคัญของการทำการตลาด บนโลกออนไลน์ และ เทคนิคการทำอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิเช่น SEM
วิธีการใช้งานของ Google Keyword Planner ต้องเริ่มสร้างบัญชีการใช้งานของ Google Ads ก่อน แล้วทำการกรอกข้อมูลในส่วนต่าง ๆ เพื่อ ยืนยันตัวตน หลังจากนั้นก็สามารถหา Keyword ได้แล้ว โปรแกรมนี้ยังช่วยให้หาคีย์เวิร์ด ใหม่ ๆ อีกด้วย
Google Trends

Google Trends คือโปรแกรมหา Keyword ฟรี อีกหนึ่งรูปแบบที่เปิดให้ผู้ใช้งาน ทำการค้นหา คีย์เวิร์ด รวมไปถึง Trends ของคำค้นหา คีย์เวิร์ดที่กำลังเป็นที่นิยม ณ ปัจจุบัน 2023 และได้รับความนิยมอยู่ในช่วง เวลานั้นบน Google ทั่วโลก อีกทั้งยังสามารถเจาะ สโคปได้ว่า บริเวณไหน โลเคชั่นไหน ในประเทศ มีพฤติกรรมอย่างไรบ้างของการค้นหา จะแสดงผลอยู่ในรูปแบบของกราฟสี อีกทั้งยังเปรียบเทียบได้ง่าย และช่วยให้คุณหา คีย์เวิร์ด ที่ได้รับความนิยมร่วมด้วยอย่างมีประสิทธิภาพ
Google Trends ยังสามารถ เปรียบเทียบได้ ส่วนกรณีที่คุณมี Keyword 2 คำที่กำลัง ลังเล Google Trends จะบอกได้หมดเลย ถ้าหาก 2 คำนั้นมาแข่งขันกัน เพราะช่วงเวลาที่กำหนด Keyword ไหนมีปริมาณการค้นหา ที่มากกว่ากัน เพื่อความแม่นยำของการเลือกคำค้นหาไปใช้งานจริง
Ubersuggest

Ubersuggest เป็นโปรแกรมหา Keyword อีกหนึ่ง โปรแกรม ที่มีคุณภาพ และดีอย่างมาก ผลิตขึ้นมาจาก Neil Patel ปรมาจารย์ ผู้ที่เชี่ยวชาญด้าน SEO โดยเฉพาะ และเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก แถมโปรแกรมนี้ มีข้อดีของตัวฟีเจอร์การใช้งาน แบบครบครัน และใช้งานง่ายมาก
และ นอกจากจะเป็นโปรแกรมฟรีของการ หา Keyword แล้ว ยังสามารถเช็คเว็บไซต์ของคู่แข่งได้อีกด้วย เช่นกัน (Competitors Analysis) เพื่อเป็นการหาข้อมูล ที่ได้รับมาวิเคราะห์ และ พัฒนาปรับปรุง แก้ไขอันดับของเราให้ดีขึ้นในอนาคต รวมไปถึงยังสามารถวิเคราะห์ Backlink และยังดูภายในเว็บไซต์ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีของการทำ SEO อีกด้วย
วิธีการใช้งาน Ubersuggest ให้เข้าไปที่หน้าเว็บของ Ubersuggest แล้วเลือกเป็นประเทศไทย Thailand แล้วใส่ Keyword คำที่เราต้องการค้นหาได้เลย โปรแกรม Ubersuggest รองรับภาษาไทย 100%

จากนั้นการค้นหาก็จะขึ้น Keyword ที่คุณค้นหา พร้อมกับค่า Metrics ที่สำคัญเช่น Search Volume, Cost Per Click (CPC) , SEO Difficulty (SD) , Paid Difficulty แบบครบถ้วน คุณสามารถดูได้เลยว่า ตัว คีย์เวิร์ด นั้น ติด Top 5 ของ คีย์เวิร์ด นั้น ๆ ที่เว็บไซต์ไหนบ้างได้อีกด้วย

ข้อเสีย Ubersuggest อยู่ในส่วนที่เป็นโปรแกรมที่ได้รับการอนุญาติ โดยให้คุณได้แค่วันละ 3 คีย์เวิร์ด เท่านั้น !! เพราะฉะนั้น หากต้องการค้นหา คีย์เวิร์ด ที่มากกว่านี้หรือจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องใข้งาน ก็ต้องสมัครแพ็คเกจรายเดือน แต่ก็จะมีเรทราคาที่แตกต่างกันออกไป
Keywordtool.io

Keywordtool.io เป็นโปรแกรมหา Keyword ฟรี ที่ได้รับความนิยมของการค้นหาตัว คีย์เวิร์ด เช่นกัน มีอีกหนึ่งกรณีที่เราต้องการอยากค้นหาคำต่าง ๆ อื่น ๆ ที่ใกล้เคียงคำที่เราคิด มีวิธีการใช้งานง่าย และไม่มีความยุ่งยาก และ ไม่จำเป็นที่จะต้องสมัครสมาชิกเพื่อเปิด Account แถมโปรแกรม Keywordtool.io แถมยังสามารถหาใน Search Engine อื่น ๆ ได้อีกด้วยอย่างเช่น Youtube, Bing ได้ด้วย
วิธีการใช้งาน Keywordtool.io เข้าไปที่เว็บไซต์ และ ระบุคีย์เวิร์ดที่ต้องการลงไปในช่อง และ เลือกประเทศเป็นประเทศไทย แล้วกด Search ได้เลย

ระบบจะแสดงคำค้นหาระแวกใกล้เคียงที่คุณระบบไปเกิดขึ้นจำนวนมาก เพราะการใช้เป็น Idea หา Keyword คำใหม่ ๆ ข้อเสียของโปรแกรม Keywordtool.io แม้จะปรากฏ Keyword ที่ใกล้เคียงริง แต่ไม่ได้แสดงค่าของ Metrics ต่าง ๆ เช่น Search Volume และ Cost Per Click (CPC) เพราะแน่นอนว่า ถ้าหากคุณอยากเห็นค่าของ Metrics ทั้งหมดก็ต้องสมัครสมาชิกเพื่อเปิดใช้งาน แบบรายเดือน
ถ้าใครรู้สึกว่า เจ้าโปรแกรมการค้นหา คีย์เวิร์ดที่ใช้งานฟรีนี้ ไม่ตอบโจทย์ความต้องการที่มากพอ งั้นเราจะพาไปดูโปรแกรมหา Keyword แบบเสียเงินอีกหนึ่งช่องทาง ไปดูกันต่อเลยว่ามีอะไรบ้าง และ ตัวไหนมีความน่าสนใจ ไปดูกันต่อได้เลย
แนะนำโปรแกรมหา Keyword แบบเสียเงิน ปี 2023
Ahrefs
Ahrefs เป็นโปรแกรมของคนที่ทำ SEO โดยเฉพาะ มาพร้อมความสามารถที่หลากหลาย อาทิเช่น การวิเคราะห์การทำ SEO ของเว็บไซต์ตัวเอง, สามารถเช็คยอด Backlink เช็คอันดับของเว็บไซต์ได้ รวมไปถึงวิเคราะห์คู่แข่งและอื่น ๆ

ความพิเศษของโปรแกรม Ahrefs เป็นโปรแกรมหา Keyword ที่สามารถระบุค่า Metrics ของ Keyword แต่ละคำได้แบบละเอียด และ ไม่ว่าจะเป็น Keyword Difficult (KD), Search Voum, รวมไปถึง สามารถกรอก Filter ขณะที่ใช้งานด้วยว่าต้องการทราบ Metrics ต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงวัน/เดือน และ วันไหน – วันไหนถึงเดือนไหน ? ได้อักด้วย
สิ่งที่สำคัญของโปรแกรม Ahrefs รองรับการหา Keyword อย่างหลากหลาย รองรับภาษาทั่วโลก มี Database รูปแบบใหญ่ เพราะฉะนั้น คุณสามารถสมัครสมาชิกใช้งานได้ทันที หมดห่วงข้อนี้ไปเลย
เพราะ Ahrefs ยอมรับโปรแกรมสำหรับการทำ SEO โดยเฉพาะจึงแลกมาด้วยฟีเจอร์การใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพ ราคาแพ็คเกจเริ่มตั้งแต่ 99$ (ราว 3,198 บาท/เดือน) ไปจนถึง การจ่ายเงินที่แพงที่สุดสำหรับการใช้งาน องค์กรขนาดใหญาราคาอยู่ที่ ราคาแพ็คเกจเริ่มตั้งแต่ 99$ (ราว 3,198 บาท/เดือน) และฟีเจอร์การเข้าใข้งานก็มีความแตกต่างกันอย่างงสิ้นเชิง สามารถอ่านราคาต่าง ๆ และ แพ็คเกจดี ๆ ของโปรแกรม Ahrefs ทั้งหมดได้ ที่นี่
Moz
Moz เป็นโปรแกรมของการทำ SEO โดยเฉพาะที่เปิดให้บริการมาเป็นเวลายาวนานก่อตั้งขึ้นเมื่อปี โดย Rand Fishkin เป็นอีกหนึ่งคนที่ทำการตลาดที่มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ ถือว่าโปรแกรม Moz เป็นโปรแกรมของการทำ SEO อย่างมืออาชีพ ที่มีความน่าเชื่อถือ และ ความเชื่อมั่น พร้อมความโดดเด่นของการแสดงผลหน้า Metrics ต่าง ๆ ในการทำ SEO แบบเจาะลึก

โปรแกรม Moz ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโปรแกรม ที่มีประสิทธิภาพที่สูง นอกจากจะช่วยเรื่องการค้นหา และ เช็คคะแนนของ คีย์เวิร์ดแล้ว ยังมี ฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ เช่น Keyword Suggestion SERP Analysis หรือ ที่เรียกว่าการวิเคราะห์ดูว่าการที่ค้นหา คีย์เวิร์ดต่าง ๆ คำที่ต้องการค้นหานั้นอยู่ในอันดับ 1 มีคะแนน อย่างงไรบ้าง และ โอกาสที่จะได้รับนั้น มีมากน้อยแค่ไหน

เรื่องราคาของโปรแกรม Moz อยู่ในอันดับ 1 มีคะแนน โดยจะมีแพ็คเกจราคาดังนี้
- Standard 79$ (ราว 2,567 บาท/เดือน)
- Premium Plan ที่ 479$ (ราว 15,567 บาท/เดือน)
โปรแกรมนี้เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่แต่ถ้าใครที่สนใจอยากใช้งาน โปรแกรม Moz จริง สามารถทดลองการใข้งานฟรีได้ 1 เดือนเต็ม ทดลองฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถตรวจสอบราคา ทั้งหมดได้ ที่นี่
SEMrush
SEMrush เป็นโปรแกรมหา Keyword ที่เน้นไปทางด้านการแข่งขันอันดับซะมากกว่า หรือ จะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ การยึดอันดับ 1 บนหน้าการค้นหาของ Keyword นั้น ๆ เพราะ SEMRush เป็นโปรแกรมในการทำ SEO อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่นกัน และ นอกจากจะสามารถค้นหาคีย์เวิร์ดได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังสามารถตรวจสอบ Domain Analytics, Rank Tracking, Backlink Analytics, Site Audit, On-Page SEO Check และในส่วนต่าง ๆ อีกมากมาย
เพราะ SEMrush เป็นโปรแกรม ที่บริษัทต้น ๆ เลือกมาใช้งานไม่ว่าจะเป็น Tesla, Samsung ฯลฯ

โปรแกรม SEMrush ช่วยให้คุณเช็คค่า Metrics ต่าง ๆ แบบละเอียดมาก ตั้งแต่ค่าพื้นฐานอย่าง Search Volume ไปจนถึง Metrics ระดับของ Advance เช่น Trend รวมถึง Filter ได้ตามระยะเวลาที่คุณต้องการ
ราคาของโปรแกรม SEMrush มีดังนี้
- แพ็คเกจ Pro 119.95$ (ราว 3,898 บาท/เดือน) ** เหมาะสำหรับ ธุรกิจ ขนาดเล็ก **
- แพ็คเกจ Guru 229.95$ (ราว 7,473บาท/เดือน) ** เหมาะสำหรับ ธุรกิจ ระดับกลาง **
- Business Plan 449.95$ (ราว 14,623 บาท/เดือน) ** เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ **
หากคุณเป็นนักการตลาดทำ SEO ที่จำเป็นต่อการค้นหา คีย์เวิร์ด ลงทุนกับโปรแกรมหา Keyword และ โปรแกรมต่าง ๆ ของการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพอันดับต้น ๆ ถึงแม้ว่าราคาแพงไปสักนิด แต่ฟีเจอร์ของ SEMrush ตอบโจทย์ความของนักธุรกิจที่ต้องการทำ SEO ได้เป็นอย่างดีแน่นอน %
สามารถอ่านราคา และ ฟีเจอร์ แพ็คเกจต่าง ๆ ทั้งหมดได้ ที่นี่
KWFinder
KWFinder คือโปรแกรมหา Keyword ในส่วนของ Long Tail Keyword หรือ คีย์เวิร์ด แบบยาว ๆ ตามหลักแล้วกรค้นหา Long Tail Keyword จะมี Search Volume ที่น้อยกว่า Keyword รูปแบบปกติที่จะสั้น ๆ หรือ Short Tail Keyword (Long Tail Keyword เช่น ขายรถมือสอง ผ่อนสบาย ราคาถูก)
เพราะถ้าหาก คีย์เวิร์ด เรายาวมากจนเกินไป คุณอาจจะไม่ทราบอย่างแน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายของลูกค้าส่วนใหญ่นั้น เขาใช้เจ้า Keyword อะไรในการค้นหา เพราะฉะนั้น โปรแกรมนี้จะเข้ามามอบไอเดียวต่าง ๆ ให้ทุกคนได้เป็นอย่างดี

การหา Keyword บน KWFinder นั้นมีหลากหลายฟีเจอร์มาก ๆ หากคุณต้องการใช้ Local Keyword Research หรือ หาคีย์เวิร์ดให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจง เพื่อให้ได้ตำแหน่ง และ ดูพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย โลเคชั่นต่าง ๆ Competitor Keywords เช็ค Keyword หรือการเลือกตำแหน่งที่ตั้งแล้วให้โปรแกรมมีการออกแบบเป็น Long Tail Keyword ยกตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือสอง ราคาถูก สาขาลาดพร้าว ในส่วนนี้หากคุณไม่เคยมีประสบการณ์ การทำ SEO มาก่อนเลย ฟีเจอร์นี้บอกเลยตอบโจทย์อย่างมาก และนอกจากฟีเจอร์ที่กล่าวไปแล้ว KWFinder ยังมีฟีเจอร์ที่หลากหลายที่ช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ตัวนี้จะมีความแตกต่างกันตรงที่ KWFinder เน้นไปที่ Keyword เป็นหลักนั่นเอง
ส่วนเรื่องราคาของ KWFinder จะจัดว่ามีราคาถูก หากมีการเทียบกับโปรแกรมตัวอื่น ๆ เรทราคาจะอยู่ที่
- Basic 29.90$ (ราว 971 บาท/เดือน)
- Premium 39.90$ (ราว 1,300 บาท/เดือน)
- Agency 79.90$ (ราว 2,596 บาท/เดือน)
หากใครยังไม่ต้องการซื้อ เพจเกจก็สามารถใช้งานฟรีได้ก่อน 10 วัน ก่อนตัดสินใจซื้อ
สรุป
ทั้งหมดที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นโปรแกรมการค้นหา คีย์เวิร์ด ที่มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินทุกโปรแกรมล้วนมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป และ การทำ SEO ไม่ว่าจะเป็นการวัดผล หรือ พัฒนา วิเคราะห์ ข้อมูลต่าง ๆ ของทางธุรกิจ เปรียบเสมือนเป็นก้าวที่สำคัญของการสร้างธุรกิจเพื่อให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกออนไลน์