SEO คืออะไร เผยเทคนิควิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google ฉบับปี 2023

SEO คืออะไร เผยเทคนิควิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google ฉบับปี 2023

SEO คือ Search Engine Optimize หมายถึงารทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพมีประสิทธิภาพ รองรับการติดอันดับบน Google นั้นหมายถึงเกี่ยวกกับการออกแบบ และ เนื้อหาบนเว็บไซต์ เพราะการทำเว็บไซต์ให้ติดบน Google ให้เว็บไซต์ของคุณมีคนเข้ามาชมมากขึ้น เป็นอันดับต้น ๆ 

ผู้คนส่วนใหญ่เลือกเว็บอันดับเท่าไหร่ในการตัดสินใจซื้อ?

จากการสำรวจของเว็บ Highervisibility คนที่ทำการค้นหา หรือ เลือกคลิกเว็บไซต์ที่อยู่หน้าแรกมากถึง 99% เลือกคลิกเว็บที่อยู่อันดับหนึ่งถึง 70% อันดับสอง 20% อันดับสาม 10%โดยเลือกคลิกไล่ลงมาตามลำดับและเลือกคลิกมากกว่าเว็บที่ติดอยู่หน้า 2 โดยจะมีคนคลิกเฉลี่ยอยู่ที่ 1% เท่านั้น หากคุณคิดว่าจะทำให้ติด SEO เป้าหมายต้องเป็นหน้าแรกของ Google แน่นอน 

Google CTR

80-90% คนส่วนใหญ่เลือกที่จะคลิกเว็บไซต์ที่ติดอันดับ มากกว่าเว็บไซต์ที่ลงโฆษณา เช่น Google Ads

Keyword รูปแบบไหนที่เหมาะกับเว็บไซต์ของเรามากที่สุด?

หลักการที่สำคัญในการทำ SEO นั่นก็คือ การเลือก Keyword เอามาใช้ให้กับเว็บของเรา โดยเริ่มต้นจากกรทำ SEO ด้วย Keyword ที่ผิด คีย์เวิร์ดที่ไม่ตอบโจทย์การค้นหาของคนค้นหา ก็ยากที่เว็บไซต์ของคุณนั้นมีคนเข้ามามาแวะชม และติดอันดับบน Google และ เราจะรู้ได้ยังไงว่า Keyword แบบไหนที่เหมาะกับ เว็บไซต์ของเราไปดูกันต่อได้เลย !

  • Keyword ต้องมีความสอดคล้องกับเว็บเรา 

 ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่า สินค้าของคุณนั้นเป็น เสื้อกันหนาว นอกจากจะใช้คำกว้างๆ แล้ว คุณสามารถเลือกใช้คำร่วมเพื่อให้ คีย์เวิร์ด มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่าเดิม อาทิเช่น เสื้อกันหนาวไหมพรม, เสื้อกันหนาวเกาหลี เป็นต้น เพราะการใช้ Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจง จะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสการเปลี่ยนของผู้ที่เข้ามาแวะชมให้กลายเป็นลูกค้าได้

  • Keyword ที่ดี ต้องมีคนใช้ค้นหา

Keyword ที่ดี ได้หมายความว่าจะต้องเป็นรูปแบบของคำ หรือ ประโยคที่สะกดแบบถูกต้อง แต่มันคือคำที่คนส่วนใหญ่นำมาใช้ค้นหากันมาก ยกตัวอย่าง เช่น

หากเราต้องการทำ SEO สำหรับธุรกิจ คอร์สเรียนกราฟิก เราจะเลือกใช้ Keyword คำว่า ฝึกทำกราฟิก เหตุผลที่ไม่ใช้คำว่า กราฟิก (คำที่สะกดถูก) เพราะว่าบางครั้งคนที่ใช้คำว่า ฝึกทำกราฟิก ในการค้นหามีมากกว่าคำว่า กราฟิก นั่นเอง 

 มีปริมาณการค้นหาที่สูง

นอกจาก Keyword จะมีคนใช้ค้นหา จะต้องมีปริมาณของการค้นหามากในระดับหนึ่ง ปัจจัยสำคัญนั้นมีหลาย ๆ อย่าง เช่นกัน ที่นำมาเกี่ยวข้องกับของประเภทธุรกิจ และ จะต้องเฉพาะเจาะจงของสินค้า เพราะเว็บไซต์ของธุรกิจแต่ละประเภทนั้นมีจำนวนการค้นหา ไม่เท่ากัน 

วิธีการเช็คปริมาณการค้นหา 3 วิธี ดังนี้

  • เช็คจากเครื่องมือ Keyword Planner จาก Google Ads
  • เช็คจาก เครื่องมือ SEO ที่ชื่อว่า Mangools
  • เช็คจากเครื่องมือฟรีจาก Google Trend

จะต้องเป็น Keyword ประเภท High Commercial Intent Keyword High Commercial Intent เป็นคีย์เวิร์ดที่สร้างเม็ดเงิน เพราะเป็นคำที่คนเสิร์ชค้นหา ที่ใส่ความต้องการของตัวเองลงไปในช่องค้นหานั่นเอง 

วิธีการทำ SEO ยังไงให้ติดหน้าแรกของ Google

การทำ SEO คือ การทำให้เว็บไซต์ หรือ ธุรกิจบนโลกออนไลน์ ให้ติดอันดับไปยัง Google ด้วยการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ และ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงสร้างต่าง ๆ รวมไปถึง เนื้อหาที่อยู่บนเว็บไซต์รวมถึงปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่มีผลต่อการทำเว็บไซต์ และ อยู่ในหลักเกณฑ์การให้คะแนนของ Google 

seo onpage and offpage

หลักการทำ SEO มีอยู่ 2 ประเภท ดังนี้

seo onpage

SEO On-Page

SEO On-Page คือ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ ส่วนนี้จะเป็นวิธีที่เราสามารถควบคุม คอนโทรลได้ด้วยตนเอง เพราะการทำ SEO On-Page จะแบ่งวิธีการทำ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม หลัก ๆ คือ 

  • Content หรือเนื้อหาบนเว็บไซต์

Quality เป็นคุณภาพของเนื้อหา เนื้อหาบนเว็บไซต์ อ่านออกง่าย และ มีความยาวมากพอสมควร โดยไม่เน้น คีย์เวิร์ด หากเป็นบทความ ถ้ามีลิ้งค์ อ้างอิงมาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพเหมือนกัน จะช่วยให้คะแนนของเว็บไซต์คุณ ดีขึ้นตามไปด้วย

  • Research เนื้อหาเว็บไซต์มี Keyword ที่ถูกต้อง ตรงกับการค้นหา

Keyword ที่ดี ต้องมีการค้นหามาก เพราะถ้าหากนำคีย์เวิร์ดที่ไม่มีการค้นหามากพอ หรือ น้อยก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย อ่านต่อได้ที่ Keyword Research คืออะไร มาทำความรู้จัก และ วิเคราะห์เชิงลึก สำหรับคนที่เริ่มต้นทำ SEO 2023

  • เนื้อหาเว็บไซต์ Words มีประโยคที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา

ข้อนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ตัว Keyword เท่านั้น แต่เป็นประโยค และ เนื้อหาภายในเว็บจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคำค้นหาด้วย

  • Fresh เนื้อหาบนเว็บไซต์ จะต้องสดใหม่ ตลอดเวลา

เนื้อหาที่อยู่ภายในเว็บไซต์ที่ดี จะต้องสร้างขึ้นมาเองทั้งหมด หรือ อาจจะศึกษามาจากหลายแห่งต่าง ๆ เว็บไซต์ แล้วเรียบเรียงประโยคขึ้นมาใหม่ ตามฉบับของเรา ไม่ควรก็อป เพราะ Google จะรู้ !! 

  • Vertical มีภาพประกอบ เพิ่มเติม รวมไปถึง VDO

การใช้ภาพประกอบ และวิดีโอเพิ่มเติมจะได้รับคะแนนจาก Google แล้ว อีกทั้งยังสามารถใส่คำอธิบาย พร้อมแทรก Keyword ลงไปในรูปภาพ หรือ วีดีโอได้อีกด้วย ส่วนนี้จะเป็นเทคนิคการทำ SEO เช่นกัน

  • Answers เนื้อหา จะต้องมีคำตอบที่คน เสิร์ชต้องการ

บทความในเว็บไซต์ของคุณ จะต้องมีคำตอบของคนที่กำลังค้นหา จะต้องมีข้อมูลเชิงลึกที่น่าเชื่อถือ และ จะต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน โดยมีหลักการใช้เทคนิค SEO ที่หลากหลายในบทความนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น

  • จำนวนคำในบทความ จะต้องมีไม่ต่ำกว่า 500 คำ
  • ต้องตั้งค่า Title & Description
  • ต้องใส่ Keyword ไว้ในหัวข้อต่างๆ รวมถึง เนื้อหาด้วย
  • Alt Tags หรือคำอธิบายรูปภาพ
  • ทำ Internal Link ให้เชื่อมโยงกับ บทความที่เกี่ยวข้อง

เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณดันอันดับขึ้นไปได้อีก

ข้อดีส่วนนี้ : การสร้างบทความรูปแบบนี้จะช่วยให้โอกาสที่จะติด Google จะนำไปแสดงอยู่ใน Position Zero ของตำแหน่งที่สูงกว่าอันดับที่ 1 แถมช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และ ให้คนเห็นเว็บไซต์ได้มากกว่าเดิม 

Architecture หรือเรียกอย่างว่า โครงสร้างเว็บไซต์

  • Crawl โครงสร้างเว็บไซต์ มีการออกแบบใช้งานง่ายต่อการค้นหา

ส่วนนี้จะเป็นการจัดหมวดหมู่ เมนู ที่อยู่บนเว็บไซต์อย่างเป็นระเบียบ เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย 

  • Mobile การใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ หรือ สมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี

Google ให้ความสำคัญของการเข้าใช้งานผู้เข้าชมเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นคนเข้ามาดูที่เว็บไซต์ หรือ อุปกรณ์ไหน จะต้องสะดวก และ ง่ายต่อการเข้าชม หากเว็บไซต์ของคุณใช้เป็น Responsive ก็ได้รับคะแนนข้อนี้ไปอีกด้วย

  • Duplicate ในเว็บไซต์ โดยไม่ให้เนื้อหาซ้ำกัน

การทำเนื้อหาให้เว็บไซต์ที่ดี ในส่วนแต่ละหน้าเพจนั้นไม่ควรมีเนื้อหาที่เหมือนกัน แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ ใช้ข้อมูลชุดเดียวกันจริงๆ เราต้องใช้วิธีการปรับ หรือ แต่งคำให้มันดูแตกต่างกันออกไป ส่วนนี้ก็ช่วยได้เช่นกัน

  • Speed ความเร็วในการโหลดเข้าถึงเว็บไซต์

ข้อนี้ควรให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะว่ามันเป็นปัจจัยอีกหนึ่งข้อที่ทำให้คนตัดสินใจว่าจะอยู่ในเว็บต่อ หรือ กดออกไปเลยเว็บไซต์ที่โหลดรวดเร็ว จะทำให้คนที่เข้ามาในเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์การเข้าใช้งานดี แต่เถ้าเว็บของคุณไม่มีความเร็วในการดาวน์โหลดเลย อาจจะทำให้สร้างความหงุดหงิดต่อคนที่เข้าชม นั่นเอง

  • URLs มี Keyword ตรงตามหัวข้อ และ เนื้อหาภายในเว็บไซต์

หากเราตั้งค่า URL ให้มี Keyword ของ SEO ผสมผสานเข้าไปด้วย จะช่วยให้การทำ SEO ของเรานั้นง่ายขึ้น แต่การตั้งค่าการใส่ URL ที่ใส่ Keyword เป็นภาษาไทย นั้นจะทำให้การใส่ลิ้งค์ URL นั้นยาวมากกว่าการ ก็อปปี้ เพื่อส่งให้คนอื่น เพราะในบางครั้งอาจจะทำให้โดนตัด URL ออกไปในช่วงท้าย ๆ ออกไป การแปะลิงก์ หรือ การโพสต์บนสื่อ นั้น ๆ อาจจะทำให้ไม่สวยงามก็เป็นได้ 

  • ว็บไซต์ใช้ HTTPS หรือ ระบบความปลอดภัย SSL

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ทางเว็บไซต์ Google ให้ความสำคัญคือ ความปลอดภัยของคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ และเจ้าของเว็บไซต์ HTTPS หรือ ระบบ SSL นั้นหมายถึง ระบบป้องกันการโดนขโมยข้อมูลจากคนที่ไม่หวังดี หรือ โดนแฮกนั้นเอง 

  • Cloaking การซ่อน Keyword ในเว็บไซต์ 

หลาย ๆ คนอาจจะใส่ Keyword เข้าไปเยอะๆ เพราะคิดว่าจะช่วยดันอันดับให้ติด Google ได้เร็วขึ้น ในส่วนนี้การซ่อน Keyword หมายถึงการพิมพ์ Keyword เข้าไปในเว็บไซต์หลาย ๆ ตัว และ จำนวนมาก ๆ แต่มีการซ่อนโดยการใช้สีเข้าช่วยจนบางครั้งอาจจะทำให้ไม่เห็นคีย์เวิดที่ซ่อน สิ่งนี้ห้ามทำเด็ดขาด !! 

HTML หรือการเขียนโค้ดหลังบ้าน

  • ใส่ Title Tag 

การตั้งหัวข้อสำหรับหน้าเพจนั้น จะทำให้ Google รู้ว่า หัวข้อของหน้าเพจนั้น ๆ คืออะไร และ มีเนื้อหาสอดคล้องกับอะไร นั่นเอง และ การเขียน Title ควรใส่ Keyword เข้าไปด้วย แต่ห้ามใส่เยอะจนเยอะเกินไป แต่ควรเขียนให้ดึงดูดคน อาทิเช่น คลิก เป้นต้น เพราะว่าส่วนนี้ จะนำไปแสดงอยู่ในหน้า Google Search

  • ใส่ Meta Description

ส่วนนี้มีไว้สำหรับ ใส่คำอธิบาย และ รายละเอียดต่าง ๆ ของหน้าเพจนั้น ๆ เพื่อให้คนค้นหาดูว่าเว็บไซต์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยข้อความที่แสดงนั้นอยู่ใน Description จะไม่มีการแสดงให้เห็นภายในเว็บไซต์ แต่จะแสดงในหน้า เสิร์ชเช่นเดียวกับ Titile นั่นเอง 

  • Description

ส่วนนี้สามารถใส่คีย์เวิร์ดลงไปได้ แต่ควร !! ใส่ที่ช่วงต้น หรือกลาง Description ไม่ควรใส่เยอะจนเกินไป หากมีคนใช้คีย์เวิร์ด ตรงกับเราใน Description ก็จะขึ้นเป็นสีแดง

  • Site Structure หรือ Site map 

Site Structure หรือ Site map คือ โครงสร้างเว็บไซต์ ที่ทำหน้าที่บอกกับ Google ว่า หน้าไหน คือ หน้าไหน มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง และ ให้ความสำคัญอย่างไร อยู่ในส่วนไหนของเว็บไซต์

  • Header การกำหนดหัวข้อ

ตามปกติแล้วการเขียนบทความนั้น เราจะตั้งหัวข้อหลัก และ รอง พร้อมกับหัวข้อย่อยอื่น ๆ ตามความสำคัญต่าง ๆ สำหรับการทำ SEO หากเราใส่ Tag เพื่อบอก Google ว่า อันไหนคือหัวข้อหลัก รอง ย่อย ข้อนี้ Google ก็ช่วยให้คะแนนอันดับเว็บไซต์ดีขึ้นด้วย 

ส่วน Tag จะทำการแบ่งออกเป็น h1 = หัวข้อหลัก, h2 = หัวข้อรอง, h3 = หัวข้อย่อย ไปจนถึง H6 แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยก็คือ H1 ควรมีแค่ 1 หัวข้อ เท่านั้น !! เพราะการตั้งชื่อหัวข้อของแต่ละส่วน หากมีการใส่ คีย์เวิร์ดลงไปด้วย จะช่วยดันอันดับของ SEO เข้าไปอีกด้วย เช่นกัน

  • Stuffing หรือการใส่ Keyword โดยไม่มีเหตุผ

Stuffing คือการนำ Keyword ไปใส่ในทุก ๆ หน้าที่อยู่ในเว็บไซต์โดยไร้ความหมาย แถมไม่เนื้อหา และ ไม่มีประโยคใด ๆ มีแต่ลิส Keyword ล้วนๆ ***ข้อนี้ห้ามทำ เด็ดขาด !! ***

seo off page

SEO Off-Page

SEO Off-Page หรือการทำ SEO ภายนอกเว็บไซต์ ข้อนี้จะเกิดจากปัจจัยภายนอก ลิ้งค์ที่ส่งมาจากเว็บภายนอกของเว็บไซต์ และคนที่เข้ามาใช้งาน Social media Google โดยมีการแบ่งตามเกณฑ์การให้คะแนนตามด้านล่างนี้เลย!  

ความน่าเชื่อถือ (Trust) แนะนำวิธีทำและแนวทาง

  • Authority ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

หากเว็บของเรามีเนื้อหาบทความที่มีความน่าเชื่อถือได้จาก Backlink หรือมีการอ้างอิงจากเว็บอื่น ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือเหมือนกัน จะส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณ ได้คะแนนจากการทำ SEO ดีขึ้นไป 

  • Engagement มีคนเข้ามามีส่วนรวม

การเขียนบทความให้มีคุณภาพ มีความน่าสนใจ และ มีประโยชน์ต่อคนที่มีส่วนร่วม ยกตัวอย่างเช่น แชร์ไปยัง Social media รวมไปถึง คอมเม้นท์ในใต้บทความ จึงทำให้ Google เห็นว่าเว็บของเรามีความน่าสนใจ อาจจะทำให้เว็บของเรามีอันดับที่ดีขึ้นไปอีก 

  • History อายุกันใช้งานของเว็บ

หากชื่อ Domain ของคุณใช้งานอยู่ มีอายุการใข้งานที่มากพอ ทำให้คุณนั้นทำ SEO ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับ Domain ที่พึ่งจดมาใหม่ๆ อย่างแน่นอน

  • Piracy เนื้อหาเว็บไซต์ มีการคัดลอกมากเว็บอื่น ๆ

 Google ให้ความสำคัญอย่างมากเกี่ยวกับ เนื้อหาบนเว็บไซต์ หากเว็บเรามีการคัดลอกมาจากเว็บอื่น ๆ เตรียมตัวโดนลงโทษจากทาง Google ได้เลย 

  • Ads กระหน่ำ Banner, Pop-up โฆษณา

 หากเว็บไซต์ของคุณ ติดไปด้วย Banner และ Pop-up โฆษณา ต่าง ๆ จำนวนมาก ๆ ทำให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บของคุณนั้น ได้เจอปัญหาแย่ ๆ Google ก็ขอแจก -1 คะแนน ทันที 

Links

  • Quality Backlink เข้ามาในเว็บไซต์เรา

เมื่อเว็บของเราโดนถูกนำไปใช้อ้างอิงบนเว็บไซต์อื่นๆ ไปอยู่บนเว็บที่มีคุณภาพ Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นมีคุณภาพ จริง อย่างที่เว็บอื่น ๆ กล่าวถึง

  • Text ลิงก์ในข้อความ หรือ ใส่ คีย์เวิร์ด

เว็บไซต์ที่ทำ Backlink ส่งพลังมายังเว็บของเรา โดยมีการแทรกลิ้งค์ไว้ในประโยค หรือ เป็นคีย์เวิด Keyword ก็จะช่วยให้ Traffic ของเราได้รับคะแนนสูงขึ้นไปอีกขั้น

  • Numbers จำนวน Backlink ที่เข้ามาในเว็บไซต์

หากเว็บของคุณมีจำนวน Backlink กลับมายังเว็บไซต์คุณจำนวนมาก ส่วนนี้จะช่วยให้เว็บของคุณนั้นสามารถติดอันดับบน Googlr ได้อย่างรวดเร็ว 

  • Paid Backlink ที่มาจากการซื้อ 

ถ้าทาง Google ตรวจพบเว็บ Backlink ที่คุณได้รับมานั้น มีการซื้อมาเพื่อปั่นอันดับให้สูงขึ้น เว็บของคุณก็อาจจะมีโอกาสหล่นลงไปได้เช่นกัน 

  • Spam สร้าง Backlink ขึ้นมาเพื่อปั่นอันดับเว็บตัวเอง

หากมีการพยามสร้าง Backlink จาก Blog กระทู้ จากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ไม่มีคุณภาพเอาเสียเลย โดยใช้โปรแกรมเข้าช่วย ในการสร้าง Backlink จำนวนมากเข้ามา อาจจะทำให้เว็บไซต์โดนลงโทษ หาก Google ตรวจเจอ ทำให้อันดับหล่นลงไปอยู่ในหน้าอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน หรือ คุณอาจจะโดนแบนออกจาก Google ไปเลยก็ได้เช่นกัน 

Personal

  • Country การทำเนื้อหา ให้ตรงตามคนค้นหาแต่ละประเทศ

ส่วนนี้เราขอบอกว่า เว็บไซต์ของเราถึงแม้จะอยู่บน Internet ที่เข้าถึงกันได้ทั่วโลก แต่การค้นหาของแต่ละประเทศนั้นจะแตกต่างกัน สมมุติว่า ถ้าเป้าหมายของคุณนั้นคือ คนภายในประเทศ คุณจะต้องทำเว็บไซต์ให้ตรงตามโจทย์ของคนไทย คุณก็จะได้รับคะแนนในส่วนนี้ไป แบบง่าย ๆ 

  • Locality การทำเนื้อหาให้ตรงตามคนในพื้นที่

Google ไม่ต้องการให้เราสร้างเนื้อหาขึ้นมา แบบไม่ตอบโจทย์คนในประเทศ แต่ Google ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ในพื้นที่แต่ละพื้นที่อีกด้วย

วิธีการเรียกคะแนนในส่วนนี้ สิ่งที่เราจะต้องทำเลยก็คือ การสมัครใช้ Google My Business เพื่อให้คนในพื้นที่ ค้นหาข้อมูลธุรกิจของเราได้ง่ายขึ้นมากกว่าเดิม

  • History การทำให้คนเข้ามาถึงเว็บไซต์ของเราเป็นประจำ

 หากเว็บไซต์ของเรา สร้างความน่าดึงดูดใจ พร้อมกับมีการอัพเดทบทความอย่างสม่ำเสมอ และ มีการแนะนำข่าวสารใหม่ ๆ ทำให้คนติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือ ให้คนเข้ามาอ่านอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google ได้ง่าย เช่นกัน 

Social

  • Reputation เนื้อหาเว็บไซต์ มีการแชร์ ลง Social media

เมื่อเนื้อ หรือบทความที่อยู่บนเว็บไซต์นั้น เราจะมีการแชร์ไปยัง เมื่อเนื้อ หรือบทความ ไม่ว่าจะเป็น Twitter, Linked in หรือ Facebook และ ช่องทางอื่น ๆ ร่วมด้วย จะทำให้เว็บไซต์ของเรา มี Traffic ที่ดี

  • Shares จำนวนการแชร์บน Social media

เมื่อเนื้อหา ที่อยู่บนเว็บของเรามีการแชร์ออกเป็นจำนวนมาก ช่วยให้อันดับเว็บของเรา ดีขึ้นตามลำดับไปด้วย เช่นกัน 

ข้อสรุป SEO คืออะไร และเทคนิควิธีทำ SEO ในรูปแบบของ SeoSeznam

หากใครที่ต้องการทำเว็บไซต์กับเรา หากอ่านแล้วรู้สึกว่าการทำ SEO นั้นมันยาก ไม่ต้องกังวลไป เรามีระบบที่มีการออกแบบมาเพื่อรองรับการทำ SEO โดยเฉพาะ ลูกค้าสามารถทำได้ด้วยตนเอง ได้ง่ายมาก ๆ และ ยังสามารถเรียนรู้การทำ SEO ได้ในระบบของหลังบ้านได้เช่นกัน แต่ใครที่กำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO ก็มองหาเรา seoseznam พร้อมให้บริการรับทํา seo โดยใช้รูปแบบเทคนิคสายขาวลูกค้ามากกว่า 100 คนใช้บริการรับทำ SEO ของเราอยู่